พีอาร์ นิวส์ไวร์ - Envision Energy เสริมความแข็งแกร่งตำแหน่งผู้นำระดับโลกด้วยยอดคำสั่งซื้อกังหันลมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 30.6 กิกะวัตต์
เซี่ยงไฮ้, 27 มีนาคม 2568 /PRNewswire/ -- Envision Energy บริษัทเทคโนโลยีพลังงานสีเขียวชั้นนำของโลก เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตำแหน่งผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมพลังงานลมอย่างต่อเนื่อง โดยติดอันดับกลุ่มผู้นำทั้งด้านคำสั่งซื้อและการติดตั้งกังหันลมในปี 2567 ตามการรายงาน Global Wind Turbine Order Analysis ล่าสุดของ Wood Mackenzie บริษัทได้รับยอดคำสั่งซื้อกังหันลมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30.6 กิกะวัตต์ ในปี 2567 และครองอันดับหนึ่งด้านคำสั่งซื้อกังหันลมในต่างประเทศในกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ต้นแบบ (OEM) สัญชาติจีน โดยมียอดคำสั่งซื้อรวมมากกว่า 10 กิกะวัตต์ นอกจากนี้ BloombergNEF ยังจัดให้ Envision อยู่อันดับสองของโลกในด้านการติดตั้งใหม่ ที่ 14.5 กิกะวัตต์ ผลงานความสำเร็จที่โดดเด่นนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Envision Energy ในตลาดสากล และความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อการผลักดันโซลูชันพลังงานหมุนเวียนให้ก้าวหน้าทั่วโลก
Envision Energy กำลังขยายการดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก และรับบทบาทสำคัญในภูมิทัศน์พลังงานลมระดับสากล โดยมีโครงการสำคัญในอินเดีย อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ บริษัทเป็นผู้นำในด้านคำสั่งซื้อในตลาดเดี่ยว ด้วยยอดคำสั่งซื้อสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ใน APeC (เอเชียแปซิฟิกโดยไม่รวมจีน) ที่ 1.9 กิกะวัตต์ ซึ่งรวมถึงโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งแห่งแรกในเวียดนามของบริษัท หนึ่งในผลงานความสำเร็จที่โดดเด่น คือคำสั่งซื้อฟาร์มกังหันลมของ ACWA Power ในอียิปต์ ขนาด 1.1 กิกะวัตต์ ซึ่งใช้กังหันลมขนาด 8 เมกะวัตต์ ของ Envision ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดและเป็นโครงการแรกในลักษณะนี้ของภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA)
ความสำเร็จนี้ตอกย้ำความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการผลิตภายในของ Envision Energy ที่แข็งแกร่ง ซึ่งพิสูจน์แล้วด้วยระบบตลับลูกปืนแบบเลื่อนที่ถูกนำไปใช้งานทั่วโลกอย่างประสบความสำเร็จโดยไม่เกิดความล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนี้ Envision ยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม Model T Pro และ Model Z Pro ที่มาพร้อมกับกังหันลม EN-202/8.35 เมกะวัตต์ สำหรับตลาดกังหันลมที่ติดตั้งบนพื้นดิน และกังหันลมนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบบูรณาการโดยสมบูรณ์ ซึ่งพัฒนาขึ้นและผลิตภายในบริษัททั้งหมด และออกแบบมาเพื่อฟาร์มกังหันลมยุคใหม่โดยมีความสามารถทนทานต่อไต้ฝุ่นได้อย่างแข็งแกร่ง แพลตฟอร์มทั้งสองยังได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ Galileo SuperSense ที่ใช้ AI เพื่อให้สามารถตรวจสอบกระบวนการทำงานได้โดยสมบูรณ์ ทั้งยังมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าและระบบวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนพลังงานลมอัจฉริยะเข้าสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์
การเติบโตทั่วโลกของ Envision Energy ยังได้รับแรงหนุนจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการริเริ่มต่าง ๆ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ของซาอุดีอาระเบีย โดยจะดำเนินการผลิตกังหันลมและส่วนประกอบต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมเป้าหมายการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นในอัตรา 75% ของประเทศภายในปี 2573 ส่วนในคาซัคสถาน Envision กำลังก่อสร้างโรงงานพลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตกังหันลมได้ 2 กิกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงานขนาด 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจะสร้างงานได้มากกว่า 3,000 ตำแหน่ง และผลักดันให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ภายในปี 2603 นอกจากนี้ Envision ยังร่วมมือกับ DHL ด้านการพัฒนาเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) โลจิสติกส์สีเขียว และสวนอุตสาหกรรมคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ อีกทั้งลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในสเปนเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมไฮโดรเจนสีเขียวแบบบูรณาการที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์แห่งแรกของยุโรป เพื่อผลักดันเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่มีร่วมกันให้ก้าวหน้า
"ท่ามกลางภูมิทัศน์พลังงานโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีสองปัจจัยสำคัญคือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งกำลังเปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้แก่ความก้าวหน้าของมนุษยชาติและเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ AI จะผลักดันให้ความต้องการไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น โดยการวิจัยของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 50% ภายในปี 2570 และเพิ่มสูงถึง 165% ภายในปี 2573" Kane Xu รองประธานอาวุโสของ Envision Energy และประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สากลกล่าว "Envision Energy กำลังเป็นผู้นำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ด้วยการบูรณาการผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเร่งการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ และสร้างอนาคตที่ขยายตัวได้อย่างมั่นคงและเชื่อถือได้ พร้อมเสริมสร้างบทบาทของเราในการสร้างโลกที่มีความยั่งยืน"