ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - เผยอันดับเมืองร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2568 สหรัฐฯ ยังนำโด่ง
ลอนดอน, 8 เมษายน 2568 /PRNewswire/ -- สหรัฐอเมริกายังคงครองแชมป์เมืองที่มีเศรษฐีมากที่สุดในโลก จากการจัดอันดับเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2568 โดยมีถึง 11 เมืองที่ติด 50 อันดับแรก นิวยอร์กยังคงนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนบุคคลที่มีสินทรัพย์สูงถึง 384,500 คน (ในจำนวนนี้มีเศรษฐีระดับร้อยล้าน 818 คน และเศรษฐีระดับพันล้าน 66 คน) รายงานฉบับที่ 4 ซึ่งจัดทำโดย Henley & Partners และ New World Wealth เปิดเผยว่า พื้นที่เบย์แอเรีย (ซานฟรานซิสโกและซิลิคอนวัลเลย์) ตามมาติด ๆ ในอันดับสอง ด้วยจำนวนเศรษฐี 342,400 คน และเป็นแหล่งรวมมหาเศรษฐีระดับพันล้านมากถึง 82 คน มากกว่านิวยอร์ก สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สร้างความมั่งคั่ง โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของเศรษฐีสูงถึง 98% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในบรรดา 50 เมืองที่ร่ำรวยที่สุด มีเพียงเซินเจิ้น (อันดับ 28 เศรษฐีเพิ่มขึ้น 142% ปัจจุบันมี 50,800 คน), หางโจว (อันดับ 35 เพิ่มขึ้น 108% มี 32,200 คน) และดูไบ (อันดับ 18 เพิ่มขึ้น 102%) ที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐีเร็วกว่าเบย์แอเรียในช่วงปี 2557-2567 โดยดูไบ (มีเศรษฐี 81,200 คน) ยังเป็นเมืองที่อันดับขยับขึ้นมากที่สุดในรอบปีในกลุ่ม 50 อันดับแรก จากอันดับ 21 ขึ้นมาอยู่อันดับ 18 ในขณะที่โซลร่วงลงหนักสุด ไปอยู่อันดับ 24 จากเดิมอันดับ 19
โตเกียวยังคงรั้งอันดับสามไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยจำนวนเศรษฐี 292,300 คน ตามมาด้วยสิงคโปร์ในอันดับสี่ มีเศรษฐี 242,400 คน
ลอนดอนและมอสโก ร่วงหนักสุดในตาราง
ลอสแอนเจลิส (เศรษฐี 220,600 คน รวมถึงเศรษฐีร้อยล้าน 516 คน และเศรษฐีพันล้าน 45 คน) แซงหน้าลอนดอนขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 5 ส่งผลให้เมืองหลวงของอังกฤษหลุดจากท็อป 5 ไปอยู่อันดับ 6 โดยมีเศรษฐี 215,700 คน (รวมถึงเศรษฐีร้อยล้าน 352 คน และเศรษฐีพันล้าน 33 คน) ลอนดอนและมอสโก (อันดับ 40 เศรษฐี 30,000 คน รวมถึงเศรษฐีร้อยล้าน 178 คน และเศรษฐีพันล้าน 23 คน) เป็นสองเมืองใน 50 อันดับแรกที่จำนวนเศรษฐีลดลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยลอนดอนลดลง 12% และมอสโกลดลง 25%
ปารีส (เศรษฐี 160,100 คน) ยังคงรั้งอันดับ 7 ไว้ได้ ขณะที่ฮ่องกง (เศรษฐี 154,900 คน) ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 แซงหน้าซิดนีย์ (เศรษฐี 152,900 คน) ที่หล่นไปอยู่อันดับ 9 ส่วนชิคาโก (เศรษฐี 127,100 คน) พุ่งแซงปักกิ่ง (หล่นไป 2 อันดับ จากอันดับ 10 ไปอยู่อันดับ 12 เศรษฐี 114,300 คน) และเซี่ยงไฮ้ (หล่นไป 3 อันดับ จากอันดับ 11 ไปอยู่อันดับ 14 เศรษฐี 110,500 คน) ขึ้นมาติดท็อป 10 เป็นครั้งแรก ลิสบอน (อันดับ 50 เศรษฐี 22,200 คน) เข้ามาติด 50 อันดับแรกเป็นครั้งแรก ขณะที่โอ๊คแลนด์หลุดออกจากอันดับไป
เมืองที่ความมั่งคั่งพุ่งแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
นอกเหนือจากเซินเจิ้น หางโจว และดูไบแล้ว ยังมีเมืองอื่น ๆ ในการจัดอันดับเมืองที่มีความมั่งคั่งเติบโตเร็วที่สุดในโลกที่จำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้แก่ สกอตส์เดล (โต 125%) และเวสต์ปาล์มบีช (โต 112%) ในสหรัฐอเมริกา และบังกาลอร์ที่รู้จักกันในนาม "ซิลิคอนวัลเลย์แห่งอินเดีย" (โต 120%) ขณะที่อีก 3 เมืองในสหรัฐฯ ที่โตเด่น ๆ ในช่วงปี 2557-2567 ก็มีไมอามี (โต 94%) ที่ภาษีรัฐฟลอริดาต่ำ วอชิงตัน ดี.ซี. (โต 92%) และออสติน เจ้าของฉายา "ซิลิคอนฮิลส์" (โต 90%) นอกจากนี้ยังมีวอร์ซอ เมืองหลวงโปแลนด์ (เศรษฐีเพิ่ม 83%) อาบูดาบี เมืองหลวงยูเออี (โต 80%) และรียาด เมืองหลวงซาอุดีอาระเบีย (โต 65%) ที่มีเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
เมืองเศรษฐีร้อยล้านดาวรุ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกเหนือจากเมืองเศรษฐีดัง ๆ ที่เรารู้จักกันดีแล้ว รายงานนี้ยังเจาะลึกไปถึงเมืองที่มีเศรษฐีร้อยล้านดาวรุ่งอีกกว่า 100 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะเมืองที่มีแววเติบโตแรงในอีก 10 ปีข้างหน้า (2568-2578) เพื่อเปิดแผนที่เศรษฐีระดับซูเปอร์ริชยุคใหม่
ดูไบ (ตอนนี้มีเศรษฐีร้อยล้าน 237 คน) และอาบูดาบี (75 คน) นำโด่ง ทั้งสองเมืองในยูเออีคาดว่าจะมีเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ เดลี (เศรษฐีร้อยล้าน 125 คน) และบังกาลอร์ (43 คน) ในอินเดีย รวมถึงวอร์ซอ (32 คน) และเอเธนส์ (42 คน) ในยุโรป ก็คาดว่าจะโตแรงกว่า 100% เช่นกัน
ส่วนเมืองเล็ก ๆ ที่มีโปรแกรมดึงดูดนักลงทุนย้ายถิ่นฐาน เช่น เซนต์จูเลียนส์และสลิมาในมอลตา (เศรษฐีร้อยล้าน 40 คน), ลูกาโนในสวิตเซอร์แลนด์ (40 คน) และรีกาและยูร์มาลาในลัตเวีย (11 คน) ก็คาดว่าจะมีเศรษฐีร้อยล้านเพิ่มขึ้นกว่า 100% ภายในปี 2578 แม้เมืองในแอฟริกาหรืออเมริกากลางจะไม่มีเมืองไหนติดท็อป 50 แต่จอร์จทาวน์และเซเว่นไมล์บีชในหมู่เกาะเคย์แมน (ปัจจุบันมีเศรษฐีร้อยล้าน 40 คน), ซานโฮเซและซานตาอานาในคอสตาริกา (17 คน), เซนต์จอร์จส์พาริช (25 คน) และแฮมิลตันพาริช (22 คน) ในเบอร์มิวดา, มอนเตร์เรย์ในเม็กซิโก (10 คน), ปานามาซิตี (21 คน), เคปทาวน์ในแอฟริกาใต้ (34 คน), มาร์ราเกชในโมร็อกโก (14 คน) และไนโรบีในเคนยา (10 คน) ก็คาดว่าจะมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นกว่า 100% ก่อนปี 2578 เช่นกัน
ด้านโมนาโก ซึ่งความมั่งคั่งเฉลี่ยเกิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองแชมป์เมืองที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาอพาร์ตเมนต์ขนาด 100-200 ตารางเมตร มักจะเกิน 38,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางเมตร
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็ม