ข่าวแฟชั่น - เกซซ์ไวน์สยาม เด้งรับดีมานด์ตลาดจิวเวลรี่ฟื้น! ปลื้มยอดขายโตสองหลัก จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่กระตุ้นยอดขาย
"เกซซ์ไวน์สยาม" เด้งรับดีมานด์ตลาดจิวเวลรี่ฟื้น!
ปลื้มยอดขายโตสองหลัก
จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่กระตุ้นยอดขาย
"เกซซ์ไวน์สยาม" ชี้สถานการณ์อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเริ่มฟื้น! เด้งรับดีมานด์ผู้ผลิต ปลื้มยอดขายโตสองหลัก เผยเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่หลายตัว ภายในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) ระหว่างวันที่ 26 - 29 เมษายน 2566 ณ ฮอลล์ 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มองตลาดประเทศไทยเป็นเรือธงที่มีศักยภาพ
นายโรเจอร์ เกซซ์ไวน์ รองประธานกรรมการ บริษัท เกซซ์ไวน์สยาม จำกัด (Mr. Roger Gesswein III, Director of GessweinSiam) ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมืออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้รับผลกระทบกันมาหลายปี เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคทั่วโลกได้ชะลอตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจ ทำให้การสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตลดน้อยลงไป แน่นอนว่าทำให้ความต้องการเครื่องมือในการผลิต ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทฯ ทำตลาดอยู่นั้นลดลงตามไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็พยายามที่จะบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องปลดพนักงาน รวมถึงยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมองว่าเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากประเทศต่างๆ เริ่มมีการคลี่คลายกฎระเบียบและข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง ทำให้เกิดความต้องการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับและเกิดการผลิตกลับมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดความต้องการทางด้านเครื่องมืออุปกรณ์ในการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย เห็นได้จากคู่ค้าของบริษัทที่เริ่มกลับมาผลิตสินค้าส่งออกได้มากขึ้น ทำให้บริษัทมีการเติบโตระดับสองหลักตั้งแต่ปลายปี 2565 และคาดว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 ก็จะยังคงเติบโตในระดับสองหลักอย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้านแนวทางในการดำเนินธุรกิจในปี 2566 นี้ จะยังให้ความสำคัญกับตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศที่เข้าไปทำตลาดก่อนหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของการออกสินค้าใหม่ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ผลิต และช่วยให้การผลิตมีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่ใหม่และดีกว่าเดิม ซึ่งบริษัทฯ เตรียมที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดด้วยกันหลายรุ่น อาทิเช่น
1. Envisiontec Einstein Pro-XL และ D4K Pro 3D Printing เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ระดับมืออาชีพ จากประเทศเยอรมัน ที่ให้งานพิมพ์ความละเอียดสูงระดับ 4K สามารถพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วด้วยขนาดพื้นที่งานพิมพ์ที่ใหญ่ขึ้น ผิวงานละเอียดและที่สำคัญมาพร้อมกับเรซินที่นำไปทำงานหล่อได้อย่างง่ายดายเหมือนเทียน
2. PUK6 Precision Welding เครื่องเชื่อม PUK6 รุ่นใหม่ล่าสุด นวัตกรรมจากประเทศเยอรมัน PUK6 ได้รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบยอดเยี่ยมจากงาน International Forum (iF) Design Award 2022 (งานประกวดด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์อันทรงเกียรติระดับนานาชาติของเยอรมนี) ตัวเครื่องมาพร้อมกับนวัตกรรมการเชื่อมที่แม่นยำที่สุดเท่าที่เคยมีมาและประสิทธิภาพทรงพลังอันน่าทึ่งในทุกมิติ ทำให้การเชื่อมรวดเร็ว แม่นยำ ผิวเรียบ และยังยืดอายุการใช้งานของเข็มเชื่อม Electrode ให้ยาวนานขึ้นกว่า 50% อีกด้วย
3. Avalon Electro-Polishing เครื่องขัดชิ้นงานด้วยระบบไฟฟ้าจากประเทศโปแลนด์ เหมาะสำหรับชิ้นงานจิวเวลรี่ที่มีดีไซน์ที่สลับซับซ้อนและไม่สามารถจะทำให้ผิวโลหะเงางดงามได้ด้วยกระบวนการขัดปกติ น้ำยาขัดและระบบไฟฟ้าจะเข้าถึงทุกซอกทุกมุมอย่างไม่มีข้อจำกัด สามารถทำงานได้ทั้งงานเงิน งานทอง และงานทองเหลือง
4. Elettrolaser Welding Machine เครื่องเลเซอร์เชื่อมงานโลหะมีค่าจากประเทศอิตาลี เหมาะกับการเชื่อมหรือการซ่อม เช่น แพลทินัม ไททาเนียม ทอง เงิน แพลเลเดียม สามารถรองรับการเชื่อมงานได้หลากหลายรูปแบบ ตัวเครื่องมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเชื่อมรุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะทำให้งานเชื่อมและงานซ่อมเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
5. HyCeram® Hybrid Ceramic Compound: Hyceram สีเซรามิคเงางามคุณภาพสูงจากบริษัท Invicon ประเทศออสเตรีย เป็นสารประกอบไฮบริดที่มีส่วนผสมของเซรามิกสูงถึง 70% และสารประกอบโพลิเมอร์ สามารถใช้กับงานลงสีได้ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะงานเครื่องประดับ เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษที่มีส่วน ประกอบเซรามิกสูง จึงมีความแข็งถึง 410 N/mm² ทำให้สี Hyceram มีความเงางามและทนทานอย่างมาก
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการเปิดตัวสินค้าใหม่ดังกล่าว ภายในงาน "Jewellery & Gem ASEAN BANGKOK" (JGAB) หรือ จิวเวลรี่แอนด์เจม อาเซียน แบงค็อค 2023 ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 29 เมษายน 2566 ณ ฮอลล์ 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่บริษัทฯ สามารถแนะนำสินค้าแก่ลูกค้าได้ เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ เป็นเรื่องเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ผู้ประกอบการมาเยี่ยมชมและสัมผัสสินค้าได้จริง
"เรายังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่ทำได้ดีอย่างประเทศไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและยังมีโอกาส โดยเฉพาะการที่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของประเทศไทย เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ส่งออกติดอันดับของประเทศ มองว่าความต้องการเครื่องมือในการผลิตชิ้นงานยังจะเติบโตอีกแน่นอน ซึ่งบริษัทมีชื่อเสียงที่มีความแข็งแกร่งและเชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งในด้านนี้อีกด้วย" นายโรเจอร์ กล่าว
ขณะที่สัดส่วนในการทำธุรกิจของบริษัทประมาณ 70-80% มาจากภายในประเทศ ที่เหลือเป็นต่างประเทศประมาณ 20-30% ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม เป็นการดำเนินธุรกิจผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยประเทศเมียนมาและกัมพูชายังเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่ ต้องการเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีเข้าไปตอบโจทย์ ซึ่งตลาดมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ส่วนเวียดนามการแข่งขันค่อนข้างสูง และสภาพตลาดมีความใกล้เคียงกับประเทศไทย
ณ. โอกาสเดียวกันนี้ บริษัทเกซซ์ไวน์สยามขอแนะนำผู้บริหารท่านใหม่อีกหนึ่งท่าน ที่มารับตำแหน่ง แชร์แมนเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท คุณฟาริเดห์ ชาริฟี เกซซ์ไวน์ (Farideh Sharifi Gesswein) ดำรงตำแหน่งแชร์แมน (Chairman) ของบริษัทเกซซ์ไวน์ในปี 2565 ต่อจากแชร์แมนคนก่อนผู้เป็นสามีและได้ล่วงลับจากโลกนี้ไปก่อนหน้านี้ เมื่อ 31 กค 2563
บริษัท เกซซ์ไวน์สยาม จำกัด ก่อตั้งในปี 2532 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเข้า เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุสิ้นเปลืองและวัตถุดิบต่าสงๆที่มีคุณภาพ สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ จากบริษัทแม่ เกซซ์ไวน์ ในสหรัฐอเมริกา และจากประเทศในยุโรป มาสู่ช่างอัญมณี และบุคคลทั่วไป สำหรับประเทศไทยและกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราเชื่อว่าจะพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับในประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก เรานำเข้าเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และวัตถุดิบในการผลิตมากกว่า 8,000 รายการ โดยคัดสรรจากผู้ผลิตคุณภาพ กว่า 200 ผู้ผลิตทั่วโลก โดยสินค้าเกซซ์ไวน์ทุกชิ้นเป็นสินค้าคุณภาพชั้นเลิศและด้วยบริการที่ดีที่สุดเพื่อความประทับใจแก่ลูกค้า โดยยึดหลักเกซซ์ไวน์ที่ว่า "ลูกค้าคือคนสำคัญที่สุดในธุรกิจของเรา ถ้าไม่มีลูกค้า ก็ไม่มีเรา"