ขณะที่ร้านค้าเกินครึ่งในประเทศจะรับชำระเงินผ่านมือถือด้วยบริการของยูเนี่ยนเพย์

ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International หรือ UPI) ประกาศว่า บริษัทได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับธนาคารแบงก์ เนการา อินโดนีเซีย (Bank Negara Indonesia หรือ BNI) ส่งผลให้ร้านค้าทั้งหมดที่เป็นลูกค้าของแบงก์ เนการา อินโดนีเซีย จะรับชำระเงินด้วยบัตรยูเนี่ยนเพย์และรับชำระเงินผ่านมือถือด้วยบริการยูเนี่ยนเพย์ โมไบล์ ควิกพาส (UnionPay Mobile QuickPass) นอกจากนี้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ของอินโดนีเซียจะเชื่อมกับเครือข่ายบัตรยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งจะส่งผลให้ความครอบคลุมของร้านค้าในอินโดนีเซียที่รับบัตรยูเนี่ยนเพย์แตะระดับ 95% และมากกว่าครึ่งหนึ่งสามารถรับชำระเงินผ่านมือถือด้วยบริการของยูเนี่ยนเพย์ ทั้งนี้ คุณไช่ เจียนป๋อ (Cai Jianbo) ประธานของยูเนี่ยนเพย์ ประเทศจีน และคุณคอรินา เลย์ลา คาร์นาเลียส (Corina Leyla Karnalies) ผู้อำนวยการของแบงก์ เนการา อินโดนีเซีย ได้เข้าร่วมพิธีลงนามผ่านทางออนไลน์

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายและเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการชำระเงินทั่วโลกของยูเนี่ยนเพย์ นอกเหนือจากการขยายบริการด้านไลฟ์สไตล์และการขนส่งโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การชำระเงินที่เหนือระดับแล้ว บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงการเข้าถึงตัวเลือกการชำระเงินผ่านมือถือ ออนไลน์ และแบบไร้สัมผัสอื่น ๆ ปัจจุบัน 181 ประเทศและดินแดนทั่วโลกเชื่อมกับเครือข่ายการชำระเงินของยูเนี่ยนเพย์ และในบรรดาร้านค้า 37 ล้านแห่งนอกประเทศจีนที่รับบัตรยูเนี่ยนเพย์นั้น กว่า 20% ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้บริการยูเนี่ยนเพย์เพื่อตอบสนองต่อมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ขณะเดียวกัน จำนวนร้านค้าในต่างประเทศที่รับชำระเงินผ่านมือถือด้วยบริการของยูเนี่ยนเพย์ก็เพิ่มขึ้นสามเท่านับตั้งแต่เกิดโรคระบาด

คุณไช่ เจียนป๋อ กล่าวว่า การเติบโตของจำนวนร้านค้าที่รับบัตรยูเนี่ยนเพย์แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเร่งสร้างเครือข่ายที่เชื่อมถึงกันของยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งช่วยให้ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล สามารถยกระดับการให้บริการผู้ถือบัตรในท้องถิ่น รวมถึงผู้ที่ชำระเงินผ่านมือถือและออนไลน์ นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการชำระเงินข้ามพรมแดนในอินโดนีเซียทั้งเพื่อการท่องเที่ยวและการทำธุรกิจ ตลอดจนให้บริการชำระเงินประจำวันแก่ชาวอินโดนีเซียและนักเรียนต่างชาติ รวมถึงประชากรกลุ่มอื่น ๆ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นรากฐานที่ดีขึ้นในการปรับธุรกิจของยูเนี่ยนเพย์ให้เข้ากับบริบทในท้องถิ่นของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายจะพยายามร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น การออกบัตรในประเทศและบริการอีวอลเล็ตต่อไปในอนาคต

ร้านค้าส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียรับบัตรยูเนี่ยนเพย์อยู่แล้ว และความร่วมมือกับแบงก์ เนการา อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ธนาคารรายใหญ่ของประเทศ จะยิ่งช่วยปรับปรุงเครือข่ายการรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ในประเทศให้ดีขึ้น โดยร้านค้าเพิ่มเติมอีก 80,000 แห่งจะได้รับบัตรยูเนี่ยนเพย์ ช่วยให้นักช้อปในบาหลี จาการ์ตา และเมืองใหญ่อื่น ๆ สามารถชำระเงินผ่านบัตรยูเนี่ยนเพย์ได้ ขณะเดียวกัน ร้านค้าใหม่ทุกแห่งที่เชื่อมกับเครือข่ายการชำระเงินของยูเนี่ยนเพย์ยังสามารถรับชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้ เช่น การชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน เป็นต้น นอกจากนี้ สายการบินการูด้า อินโดนีเซีย (Garuda Indonesia) และผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายอื่น ๆ ได้เปิดตัวบริการชำระเงินออนไลน์ผ่านยูเนี่ยนเพย์ โดยใช้โซลูชันการตรวจสอบการชำระเงินออนไลน์ ยูเนี่ยนเพย์ ทรีดี ซีเคียว (UnionPay 3-D Secure หรือ 3DS) ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์

คุณคอรินา เลย์ลา คาร์นาเลียส กล่าวเสริมว่า แบงก์ เนการา อินโดนีเซีย กำลังเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล และความร่วมมือกับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จะช่วยขยายเครือข่ายการรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ในอินโดนีเซีย เพื่อมอบบริการชำระเงินดิจิทัลที่สะดวกสบายทั้งสำหรับร้านค้าและผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งแบงก์ เนการา อินโดนีเซีย และยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล และเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับทั้งสองฝ่ายในการกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

นอกเหนือจากการเร่งขยายเครือข่ายการรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ทั่วโลกแล้ว ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังได้ขยายธุรกิจในตลาดหลายแห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีการออกบัตรยูเนี่ยนเพย์มากกว่า 190 ล้านใบ ในกว่า 70 ประเทศและดินแดนนอกประเทศจีน ซึ่งรวมถึงบัตรใหม่ 13 ล้านใบที่ออกในปีนี้ สำหรับธนาคารในอินโดนีเซียที่ออกบัตรยูเนี่ยนเพย์ประกอบด้วย แบงก์ เซ็นทรัล เอเชีย (Bank Central Asia), ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China), แบงก์ ซินาร์มัส (Bank Sinarmas) และอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชนา (Industrial and Commercial Bank of China) ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 การทำธุรกรรมผ่านบัตรยูเนี่ยนเพย์เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบรายปี